ท่องโลกกับ Smart Device
“ท่องโลกอย่างสะใจ ใช้เทคโนโลยีช่วย ทั้งในการเตรียมตัวและเดินทาง
การแชะ แช็ต แชร์เพื่อแบ่งปันเรื่องราวกับเพื่อนๆ สนุกกว่าไปคนเดียว”
หลายคนชอบพูดว่า “ชีวิตคือการเดินทาง” และอีกหลายคนชอบเอาการเดินทางไปผูกกับอุปกรณ์ทันสมัยไฮเทคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกล้องดิจิตอล สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต โน้ตบุ๊ค ฯลฯ ที่ไปไหนต้องพกไปด้วย ไม่งั้นรู้สึกเหมือนกับขาดอะไรไปสักอย่าง สำหรับผมต้องขอสารภาพตามตรงว่าเป็นทั้งสองอย่างเลย เพราะเป็นคนทำหนังสือด้านเทคโนโลยีมานานนับสิบปี แต่หลังๆ มาทำหนังสือคู่มือท่องเที่ยว ที่จริงผมชอบเดินทางมาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ยุคที่ยังไม่มีสมาร์ทโฟนหรืออินเทอร์เน็ตให้ใช้ บางประเทศก็ไปบ่อยปีละหลายครั้ง หรือไปแบบปุบปับ เอกสารไม่เรียบร้อย จนโดน ตม. (เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง) หลายประเทศ (ออสเตรเลีย, อเมริกา, ..) เรียกเข้าห้องเย็นไปสอบปากคำมาแล้วมากกว่าหนึ่งหน 🙁
การเดินทางแต่ละครั้งให้อะไรกับเราบ้าง? ได้เห็นโลกกว้าง ประสบการณ์ใหม่…”
การเดินทางแต่ละครั้งให้อะไรกับเราบ้าง? ได้เห็นโลกกว้าง ประสบการณ์ใหม่ ไอเดียใหม่ สิ่งแวดล้อมใหม่ที่แตกต่างไปจากที่เราเคยพบทุกๆ วัน มันเหมือนกับการเปิดใจของเราให้กว้าง ให้เห็นว่าคนอื่นๆ ที่เค้ามีเชื้อชาติ ภาษา และวัฒนธรรมที่แตกต่างจากเรา ซึ่งยังมีอีกมากมายในโลก เค้ากินอยู่ใช้ชีวิตกันอย่างไร ทำอะไร คิดอะไร และมองเราอย่างไร และที่สำคัญก็คือเป็นการออกไปจาก “พื้นที่ที่เราคุ้นเคย” หรือ comfort zone ไปสู่ความท้าทายใหม่ๆ ตั้งแต่เรื่องเล็กน้อยอย่างการกินอาหารพื้นเมืองซึ่งไม่คุ้นลิ้น ไปจนถึงการเดินขึ้นเขาท่ามกลางหิมะตก หรือแม้แต่การเบียดเสียดแย่งขึ้นรถเมล์ รอหรือแย่งแท็กซี่กับคนท้องถิ่น เพราะไปเจอช่วงที่พนักงานรถไฟสไตรค์กันทั้งเมือง ฯลฯ ทั้งหมดนี้หากมองที่แต่ละเรื่องย่อยๆ อาจดูไม่สำคัญ แต่ในภาพรวมแล้วสิ่งเหล่านี้แหละที่จะทำให้เราเข้าใจความแตกต่างและการเปลี่ยนแปลงของโลกปัจจุบันมากขึ้น ให้เราพร้อมมากกว่าคนอื่นๆ ที่จะเปิดใจและเข้าใจผู้คนที่คิดต่างจากเรา (ไม่มีนัยยะเกี่ยวกับการเมืองช่วงนี้นะคร้าบ รับรองได้ 🙂 รวมถึงสามารถปรับตัวตามสถานการณ์ต่างๆ รวมทั้งมีเรื่องสนุกๆ มาเล่าให้ใครต่อใครได้ฟังและได้ทึ่งกับประสบการณ์ของเราอีกมากมาย
“ที่สำคัญก็คือ การเดินทาง เป็นการออกไปจาก ‘พื้นที่ที่เราคุ้นเคย’ หรือ comfort zone ไปสู่ความท้าทายใหม่ๆ”
แล้วเทคโนโลยีที่พกพาไปด้วยช่วยให้อะไรกับการเดินทางบ้าง? นอกจากที่ต้องแบกของหนักและพะรุงพะรังขึ้นพอสมควรแล้ว อย่างน้อยที่สุดก็คือ
- ช่วยให้เราสามารถแชร์ประสบการณ์การเดินทางได้อย่างละเอียดชัดเจน และทันทีทันใดมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นข้อความ ภาพ เสียง วิดีโอ แผนที่ ฯลฯ
- ช่วยให้เราสามารถไปได้ลึกขึ้น ไกลขึ้น และเป็นอิสระมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการนั่งรถไฟแล้วดูแผนที่และ GPS ว่าจวนจะถึงที่ลงหรือยัง การส่งอีเมล์หรือ message ไปบอกโรงแรมถึงการเปลี่ยนแผนว่าจะเข้าไปเช็คอินช้ากว่าเดิม หรือการอ่านประวัติความเป็นมาของที่นั้นๆ และดูแผนที่ว่ามีอะไรที่ไม่ควรพลาดบ้างจากอินเทอร์เน็ตได้ระหว่างนั่งรถ เพื่อจะได้วางแผนล่วงหน้า แทนที่จะต้องไปยืนอ่านป้ายแล้วคิดแผนสดๆ ตรงทางเข้า
ที่จริงข้อนี้ผมอยากจะรวมไปถึงการเดินทางแบบปุบปับ นึกอยากจะไปปุ๊บก็เคาะจองตั๋ว จองที่พักปั๊บ แทนที่จะวางแผนล่วงหน้าครึ่งค่อนปี บางหนก็ได้ดีลที่ดีเพราะที่เหลือหรือจังหวะอำนวย ที่ผมชอบเรียกว่า “ทริปวู่วาม” ด้วย อย่างตอนนี้ผมกำลังนั่งเขียนบทความนี้อยู่ในโรงแรมห้องเล็กๆ ในเมืองเซ็นได ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งคงจะจำกันได้ว่าเป็นเมืองที่บางพื้นที่ชายฝั่งทะเลเคยโดนสึนามิถล่มเมื่อปี 2011 แต่ตอนนี้คนไทยไปเที่ยวกันเต็ม เพราะเพิ่งจะมีเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพ-เซ็นไดแล้ว ผมเลยขอลองบินมากับเที่ยวแรกดู ด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่าเค้ามีอะไรให้เที่ยวบ้าง ทั้งๆ ที่สองวันก่อนยังไม่แม้แต่จะคิดว่าหยุดยาวปลายปีจะไปไหนเลย บินมาแบบงงๆ มีแต่แผนคร่าวๆ ว่ากี่คืนกี่วัน แล้วค่อยมาอ่านโบรชัวร์ เปิดเน็ตเปิด Maps ดูว่ามีอะไรให้เที่ยวบ้าง ซึ่งถ้าไม่มีสมาร์ทดีไวซ์ติดตัวมาด้วยก็คงไม่กล้าวู่วามขนาดนี้ ^_^ จริงๆ นะเอ้า
“ปัจจุบันแทบจะเรียกได้ว่าเทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ต
ได้กลายเป็นส่วนประกอบหลักที่ขาดไม่ได้ของการท่องเที่ยวไปแล้ว
ไปไหนพกไปด้วย ช่วยให้เที่ยวได้สนุกและง่ายขึ้น”
สรุปก็คือ ปัจจุบันแทบจะเรียกได้ว่าเทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ตได้กลายเป็นส่วนประกอบหลักอันหนึ่งที่ขาดไม่ได้ของการท่องเที่ยวไปแล้ว ไปไหนพกไปด้วย ช่วยให้เที่ยวได้ง่ายและสนุกขึ้น แต่ที่สำคัญคือคุณควรจะต้องสามารถใช้สมาร์ทดีไวซ์ต่างๆ ได้คล่องพอสมควรจนพอที่จะเอาจุดเด่นของมันออกมาใช้ได้อย่างไม่รู้สึกเป็นภาระมากเกินไป ไม่งั้นแทนที่จะสนุกกับการแชะ แช็ต แชร์ จะกลายเป็นมัวงมกับปัญหาจุกจิกของอุปกรณ์ประจำตัวจนหมดสนุกได้ อ้อ! แล้วก็อย่าลืมศึกษาการต่อเน็ตแต่ละที่แต่ละประเทศให้เหมาะสมกับลักษณะการใช้งานด้วยนะครับ เดี๋ยวโดนชาร์จค่า roaming หมดกระเป๋าจะหาว่าผมไม่เตือน “เริ่มต้นง่ายๆ ลองนึกถึงสถานที่สักแห่งในโลก ที่คุณอยากจะไปแต่ยังไม่มีโอกาสสักที โอกาสบางทีมันก็ต้องสร้างเอง ทำเอง มากกว่าจะรอให้มันมาถึงนะครับ” ทั้งหมดที่เล่ามานี้ ไม่ใช่แค่ให้คุณอ่านเพลินๆ หรือเห็นคุณค่าของการเดินทางและเทคโนโลยีมากขึ้นเท่านั้นนะครับ แต่อยากจะเชิญชวนให้ลงมือทำกันเลย
“เริ่มต้นง่ายๆ ลองนึกถึงสถานที่สักแห่งในโลกที่คุณอยากจะไป แต่ยังไม่มีโอกาสสักที โอกาสบางทีมันก็ต้องสร้างเอง ทำเอง มากกว่าจะรอให้มันมาถึงนะครับ”
ว่าแล้วก็ลองหาตั๋ว หาที่พัก หาคนรู้ใจไปด้วย (ถ้ามีอยู่แล้ว แฮ่ม! แต่ถ้ายังไม่มีก็ลุยไปเลย เผื่อไปหาเอาข้างหน้า อิ อิ) หยิบ gadget คู่ใจยัดใส่กระเป๋า แล้วก้าวเท้าออกไปผจญโลกกว้างด้วยความมั่นใจ ยังไม่รู้อะไรก็ค่อยๆ ไปเปิดเน็ตค้นข้อมูลเอา อะไรที่รู้มาใหม่แล้วก็เอามาแชะ แช็ต แชร์ แบ่งปันเพื่อนฝูงผ่าน social media ทั้งหลาย แล้วคุณจะพบว่าตัวเองเที่ยวได้สนุกขึ้นกว่าไปเงียบๆ คนเดียวอีก
“หยิบ gadget คู่ใจยัดใส่กระเป๋า แล้วก้าวออกไปผจญ โลกกว้าง ยังไม่รู้อะไรก็ค่อยไปเปิดเน็ตค้นเอา อะไรที่รู้มาใหม่แล้วก็เอามาแชะ แช็ต แชร์ แบ่งปันเพื่อนฝูง แล้วคุณจะพบว่าตัวเองเที่ยวได้สนุกขึ้นกว่าไปเงียบๆ คนเดียวอีก”
ตัวผมเองเริ่มลุยไปหลายที่แล้วในแบบที่ว่า เท่าที่เวลา โอกาส และทุนทรัพย์จะอำนวย แต่ก็ยังมีอีกหลายที่ที่ยังไม่เคยรู้ ไม่เคยไป ถ้าใครไปมาแล้วจะมาแบ่งปันเล่าสู่กันฟังบ้างก็น่าจะสนุกดีนะครับ
อ้าว! ไม่แน่นะครับ เร็วๆ นี้เราอาจจะได้เดินสวนกันที่ไหนสักแห่งที่น่าสนใจบนโลกใบนี้ก็เป็นได้ 🙂
[บทความนี้เขียนลงครั้งแรกในเว็บ MakeTheDiference.org ธันวาคม 2556]