Internet tethering ใช้อะไรดี : USB, Wi-Fi หรือ Bluetooth?

ทุกวันนี้อุปกรณ์สมาร์ทโฟนหรือแท็บเบล็ตของเราเริ่มมีความเร็วสูงขึ้น จนชักจะแซงหน้าสาย ADSL ของเน็ตบ้านไปเสียแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งขาอัพโหลดที่เน็ตตามบ้านมักจะปล่อยมาให้แค่ 512 K บิตต่อวินาที (0.5 เมกะบิตต่อวินาที ซึ่งต่อไปขอเขียนย่อสั้นๆ ว่าเมกะบิต) ถึง 1 เมกะบิตเท่านั้น แต่เน็ตมือถือ 3G ทำได้มากกว่านั้น บางทีก็ขึ้นไปถึง 2-3 เมกะบิต ยิ่งถ้าเป็น 4G ที่บางค่ายกำลังโฆษณาให้ทดลองใช้นั้นเวลาว่างๆ ขาลงหรือดาวน์โหลดอาจทำได้ถึง 30 เมกะบิต ส่วนขาขึ้นอาจทำได้ถึง 7-8 เมกะบิตทีเดียว ดังนั้นเราจึงมีโอกาสหรือเหตุผลที่อยากจะเอาอุปกรณ์อื่นๆ มาต่อเน็ตผ่านมือถือมากขึ้น บ่อยขึ้น โดยเฉพาะเวลาอัพไฟล์ใหญ่ๆ อย่างวิดีโอขึ้น YouTube เป็นต้น คำถามที่ตามมาก็คือ แล้วจะต่ออุปกรณ์อื่นผ่านเน็ตมือถือ หรือที่เรียกกันอย่างกลางๆ ว่า Tethering (ฝั่ง Android จะใช้ว่า Tethering and portable hotspot ส่วนฝั่ง iOS จะใช้ว่า Personal hotspot) ด้วยวิธีการแบบไหนดี ซึ่งก็มีให้เลือก 3 แบบคือ…

  • ต่อสาย USB วิธีนี้ใช้ได้กับคอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ๊คที่มีพอร์ต USB เท่านั้น
  • ต่อผ่าน Bluetooth วิธีนี้ใช้ได้ทั้งโน้ตบุ๊ค สมาร์ทโฟน และอื่น
  • ต่อผ่าน Wi-Fi ซึ่งวิธีนี้ก็ใช้ได้ทุกอุปกรณ์เช่นเดียวกัน

4G LTE sample speed

Sample speed when tethering via Bluetooth

ตัวอย่างความเร็วในการแชร์เน็ต 3G ผ่าน Bluetooth

ในทั้งสามวิธีนี้ การต่อสาย USB เป็นวิธีที่ง่ายและได้ความเร็วสูงที่สุด เพราะขนาด USB 2 ก็มีความเร็วถึง 480 เมกะบิตแล้ว ยิ่งเป็น USB 3 ยิ่งไปได้ถึง 5 กิกะบิต (5,000 เมกะบิต) ซึ่งเร็วกว่าการเชื่อมต่อเน็ตทั่วๆ ไปทั้งแบบมีสายและไร้สายจะใช้อยู่แล้ว แต่ก็มีข้อจำกัดคือใช้ได้เครื่องเดียว (โน้ตบุ๊ครุ่นใหม่ๆ บางแบบเค้ามีซอฟต์แวร์มาทำให้แชร์เน็ตต่อได้อีกทีก็มี) แต่ถ้าหากอุปกรณ์ตัวที่เราจะแชร์เป็นพวกสมาร์ทโฟนหรือแท็บเบล็ตด้วยกัน ก็คงต้องใช้ Bluetooth หรือ Wi-Fi เท่านั้น คำถามคืออะไรดีกว่ากัน?

ข้อดีของ Bluetooth คือประหยัดพลังงานกว่า Wi-Fi ?หลายสิบเท่า ทำให้ไม่กินแบตเตอรี่ทั้งสองฝั่งคือฝั่งที่แชร์และฝั่งที่ไปขอใช้ นอกจากนี้หากทำการ pair อุปกรณ์ทั้งคู่ไว้แล้ว เมื่อปิดไปแล้วเปิดกลับมาเชื่อมต่อใหม่ก็จะต่อกันได้อย่างรวดเร็ว แต่ข้อเสียคือความเร็วที่จำกัดกว่าหลายสิบเท่าด้วย ซึ่งขึ้นกับเวอร์ชั่นของบลูทูธที่ใช้ได้ของอุปกรณ์ทั้งสองฝั่งด้วย บลูทูธเวอร์ชั่น 4.0 ล่าสุดก็ยังจำกัดความเร็วที่ 1-3 เมกะบิตเท่านั้น (ถ้าเป็นเวอร์ชั่น 4.0 Low power ซึ่งใช้ในอุปกรณ์ส่วนใหญ่จะมีความเร็วจำกัดแค่ 1 เมกะบิตเท่านั้น) ซึ่งเมื่อเทียบกับความเร็วของเน็ตไร้สาย 3G หรือ 4G จะเห็นได้ว่าเริ่มชนเพดานแล้ว ในทางปฏิบัติจริงหากแชร์เน็ตผ่านบลูทูธจะได้ความเร็วเพียง 1 เมกะบิตเศษๆ เท่านั้นเอง

Tethering via Wi-Fi

ตัวอย่างความเร็วในการแชร์เน็ต 3G ผ่าน Wi-Fi

ดังนั้นหากไม่ใช้สาย USB แล้ว ทางเลือกที่ได้ความเร็วสูงที่สุดในการแชร์เน็ตปัจจุบันก็คือ Wi-Fi ซึ่งโดยทั่วไปจะทำความเร็วได้ถึงระดับของ 802.11g หรือประมาณ 54 เมกะบิต หรือ 802.11n คือ 150 เมกะบิต (ล่าสุดเห็นมีแต่ Samsung Galaxy S4 เท่านั้นที่ใช้มาตรฐานใหม่คือ Wi-Fi 802.11ac ที่สามารถทำความเร็วได้ถึงระดับกิกะบิตในทางทฤษฎี แต่ wireless router ที่ใช้กันส่วนใหญ่ยังไม่พร้อมรับมาตรฐานนี้) ซึ่งจะช่วยให้คุณแชร์เน็ตผ่านมือถือได้อย่างไม่สะดุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่ 4G กำลังจะมาอย่างทุกวันนี้

?